ประสบการณ์นั่งรถไฟเที่ยวยอร์ก York ไปจิบชาที่ Railway Museum แบบสไตล์ผู้ดีอังกฤษ

 เที่ยวประเทศอังกฤษไม่ได้มีแค่ลอนดอนเท่านั้น ยังมีอีกหลายเมืองที่สวยงามและน่าสนใจ วันนี้กีกี้จะพาไปเที่ยวที่เมืองยอร์ก York เป็นเมืองที่เก่าแก่และงดงาม ยอร์กเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 2,000 ปี พร้อมแล้วไปกันเลยค่ะ ติดร่มและเสื้อกันฝนไปด้วยนะคะ อากาศที่นี่มีหลายฤดูในหนึ่งวัน

เที่ยวครั้งนี้กีกี้ไม่ได้ไปกับลุงเดฟ แต่ไปเที่ยวกับเพื่อนเพียง 2 คน และเราไปกันเอง โดยใช้รถสาธารณะ ลุงเดฟไปส่งเราที่สถานีรถไฟ ซึ่งเป็นทางผ่านไปที่ทำงานของลุงเดฟพอดี สองสาวไปเที่ยวแบบไม่มีแพลนและไปแบบโสด ๆ ตามเราไปเช็ตเรทติ้งด้วยกันค่ะ

ไปถึงสถานีรถไฟเราก็ไปทำการซื้อตั๋วรถไฟกันค่ะ เราจะไปเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ จึงซื้อตั๋ว 2 ใบ คือขาไปและขากลับ เราตีตั๋วจาก Halifax - York ราคาอยู่ที่ £20.10 ถ้าจะคิดเป็นเงินบาทก็ลองคูณ 45 ดูค่ะว่าได้เท่าไหร่ อันที่จริงเราขึ้นที่เมืองลีดส์ Leeds แต่ขากลับเราจะไปลงที่ Halifax แต่คนออกตั๋วดันออกตั๋วจาก Halifax นั้นหมายถึงเราจ่ายโอเว่อร์ไปหนึ่งสถานี เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ เราได้ตั๋วมาแล้วไปรอขึ้นรถไฟกันเลยค่ะ

กำลังซื้อตั๋ว

ตั๋วรถไฟ

ตารางเดินรถเราก็เช็คตามหน้าจอสกรีนใหญ่ที่ตั้งตระหง่านตรงกลางสถานีได้เลย โดยการดูจากสถานีปลายทางที่เราจะลงแล้วเขาจะแจ้งชานชลาที่ขึ้นรถไฟให้เราตามตารางเวลา อย่างวันนี้เราไปที่ยอร์ก York ชานชลาที่ 7a เราก็ไปรอขึ้นรถตามที่เขาแจ้ง บอกเลยนะคะว่าห้ามสายเพราะรถไฟออกตรงเวลาเปะค่ะ ตอนแรกว่าจะไปอีกขบวนดันตกรถไฟเพราะเราไปช้าแค่ 1 นาที แบบว่าขาสั้นเดินช้าอะค่ะ 

เมื่อรถไฟมากระโดดขึ้นไปเลือกที่นั่งได้เลยค่ะ ตั๋วของเราไม่ได้จองที่นั่งและสามารถใช้ได้ตลอดเวลา แต่ระวังนิดนึงค่ะบางที่อาจจะมีคนจองแล้ว เพราะบางคนจองตั๋วแบบเลือกที่นั่ง แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าว่างหรือไม่ ? ....ง่ายนิดเดียว เขามาสะกิดเราก็ลุก เพียงเท่านี้เลยค่ะ ลองสังเกตุเบาะนั่งบางทีก็มีป้ายกระดาษมาเสียบไว้ว่าที่นั่งนี้มีการจองแล้ว ดูจากป้ายกระดาษที่เสียบไว้มุมบนเบาะที่นั่งได้ค่ะ

ที่นั่งในขบวนรถไฟ

นั่งกินลมชมวิวไปครึ่งชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงที่หมายแล้ว ลงเลยจ้าสุดสายเพราะขบวนนี้สิ้นสุดที่เมืองยอร์ก แต่บางขบวนก็ไปต่อที่เมืองอื่น สถานียอร์กสวยงามตื่นตาตื่นใจ จนอดที่จะเก็บภาพประทับใจไม่ได้เลยค่ะ ไปมาหลายประเทศ สถานีรถไฟก็ดูค่อยข้างปกติแต่ที่นี่ดูสวยงาม


สถานีรถไฟยอร์ก

มองซ้ายขวาเราจะไปทางไหนก่อนดี หันมาพูดกับเพื่อนที่เดินทางด้วยกัน กีกี้เสียมารยาทมากไม่แนะนำเพื่อนร่วมเดินทางให้เพื่อน ๆ รู้จัก พี่ที่มาด้วยกันชื่อพี่น้อยหน่า เป็นพี่ที่น่ารักคนหนึ่งในอังกฤษที่กีกี้ได้รู้จัก ช่วยแนะนำในหลาย ๆ เรื่อง ในการย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ เพราะกีกี้เป็นสะใภ้น้องใหม่ อาจจะยังไม่รู้เยอะเท่าสะใภ้รุ่นพี่เลยเกาะพี่น้อยหน่าแจเลย เมื่อคุยตกลงกันได้เราจึงตัดสินใจไปเที่ยวพิพิธพัณฑ์รถไฟ (Railway Museum) แล้วค่อยขึ้นรถต่อไปที่กลางเมือง ว่าแล้วเดินตามป้ายที่เขาบอกทางในสถานีรถไฟได้เลยจ้า เดินตามสะดวกไม่หลงแน่นอน แต่เราเดินวนกันแค่ 3 รอบ และแวะเข้าห้องน้ำชาร์จแบต เติมพลังด้วยกาแฟคนละแก้ว

หน้าพิพิธภัณฑ์ Railway Museum 

เมื่อมาถึงหน้า Railway Museum คนตรวจตั๋วก็ยืนสอบถามและบอกข้อมูลการซื้อตั๋ว ใครที่จองออนไลน์มาแล้วก็โชว์ตั๋ว สามารถเดินเข้าไปก่อนได้เลย ส่วนคนที่ยังไม่มีตั๋วก็ต่อคิวไปรับตั๋วตรงทางเข้า ราคาตั๋วก็ให้เราบริจาคตามสะดวก อย่าลืมนะคะว่ามาเที่ยวในครั้งนี้เป็นการเที่ยวและใช้ชีวิตแบบ new normal หลายคนยังสวมหน้ากากอนามัย รวมทั้งเราสองคนก็ยังสวมอยู่

เข้าไปข้างในพิพิธพัณฑ์ถึงกับว้าววววตาเบิก พร้อมทั้งชี้นิ้วแบบตื่นตาตื่นใจไปที่รถไฟขบวนที่ราชินีวิคตอเรีย เคยทรงประทับ ช่วงหรูหรา เหมือนดั่งในหนังที่เราเคยดูเลย เครื่องประดับประดาข้างในเป็นสไตล์อังกฤษแท้ ๆ ไม่ว่าผ้าม่าน โซฟาที่ประทับ เครื่องใช้ต่าง ๆ ช่างดูสวยงามหรูหรา


ที่ประทับในขบวนรถไฟของ Queen Victoria 

รถไฟที่จัดแสดงโชว์มีอายุเป็นร้อยกว่าปี มีมากหลายขบวนให้ชม มีทั้งรถม้า รถไฟหัวจักรไอน้ำ รถไฟขนสัมภาระเครื่องใช้ รถไฟส่งจดหมาย ที่เคยใช้งานของประเทศอังกฤษ บางขบวนเปิดให้เข้าไปชมข้างในได้ แต่บางขบวนไม่อนุญาติให้จับหรือเข้าไปข้างใน

หัวจักรรถไฟโบราณ

รถม้า

รถไฟขบวนขนส่งไปรษณีย์

ข้างในรถไฟขนส่งไปรษณีย์

เมื่อเดิมชมรถไฟพร้อมทั้งอ่านประวัติของรถไฟแต่ขบวนที่ติดไว้ข้างหน้ากันหนำใจแล้ว ถึงเวลาไปจิบชากินสโคน ในแบบสไตล์ผู้ดีอังกฤษกันแล้ว ขอแอบใช้ชีวิตแบบชาวอังกฤษสักวัน ว่าแล้วก็ไปเลือกเมนูที่เราต้องการ มีจุดบริการขายชาและขนม รวมทั้งเมนูอาหารอื่น ๆ ไว้บริการตรงกลางสถานีรถไฟของ Museum เลย 

Tea and Scone

วันนี้เราสั่งชา Yorkshire tea คนละแก้ว และ scone มาหนึ่งชิ้น เพราะชิ้นใหญ่มาก ถ้าสั่งมาคนละชิ้นมีหวังกินไม่หมด เพราะนี่คืออาหารว่างยามบ่าย พอดีเราเก็บท้องไว้ชิมอาหารในเมืองเลยไม่อยากกินอิ่มจากตรงนี้สนใจดูบรรยากาศจิบชาแบบคลิปวีดีโอที่กีกี้ได้แชร์ไว้ที่บล็อกดิท กดชมที่นี่

จิบชาจ่ายเงินค่าตั๋วเข้าชมโดยการหยอดตู้ไว้ที่จุดทางออก ขอแวะชมของฝากที่ละลึกสักหน่อยก่อนที่จะออกไปขึ้นรถรับส่งไปที่ City Centre หน้าตาคล้าย ๆ รถกอล์ฟเอามาต่อกันให้ยาวเหมือนขบวนรถไฟ ส่วนหน้ารถรูปร่างคล้ายรถไฟ จุดบริการเดินรถจะอยู่ข้างหน้าพิพิธพัณฑ์ รถออกทุก ๆ 30 นาที ซื้อตั๋วก่อนขึ้นรถ ราคาต่อคนอยู่ที่ £3 รับเฉพาะบัตร ณ วันที่เราไป วันอื่นเช็คอีกทีนะคะ

รถรับส่งหน้าพิพิธภัณฑ์ไปใจกลางเมือง

นั่งรถไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึง City Centre เอ้าเดินมาก็ไม่ไกลนี่ ถ้าใครประหยัดเดินเอาก็สะดวกดี แค่เดินสวนกลับทางที่เราเข้าไปที่ Museum ตอนแรก แต่ว่าที่ไม่เดินเพราะอยากได้ฟิวนั่งรถเกร๋ ๆ ค่ะ ถ่ายรูปออกมาเหมือนนั่งรถตุ๊ก ๆ บ้านเราเลยค่ะ เพราะช่วงนี้เขาทำที่กั้นพลาสติกป้องกันเชื้อโรคโควิด 19 นั่งได้ 2 คนต่อที่นั่ง

York Minster

กระโดดลงรถและเดินไปถ่ายรูปที่ York Minster โบถส์อันเก่าแก่และสวยงามที่ตั้งเด่นเป็นสง่ามองเห็นแต่ไกล เสียดายที่เขายังก่อสร้างข้างหน้าไม่เสร็จ มีสิ่งก่อสร้างบดบังเล็กน้อย ส่วนข้าง ๆ ไม่มีอะไรบดบัง ถ่ายรูปออกมาได้สวยงาม เสียดายที่วันนี้ไม่ได้เข้าชมข้างในโบถส์เพราะจิบชานานไปหน่อย เดินต่อจากซอยข้างโบถส์ไป ลัดเลาะตามตรอกซอกซอยไปเรื่อย ๆ 


แหล่งท่องเที่ยวกลางเมือง

แต่ละซอยก็มีร้านอาหารและร้านขายของต่าง ๆ มากมายละลานตา อาคารและตึกรามบ้านช่อง ดูสวยงามเป็นระเบียบ สะอาดสะอ้าน มีตำรวจท่องเที่ยวคอยเดินตรวจตราตามถนนหนทาง ทำให้รู้สึกว่าปลอดภัย เมืองนี้มีแม่น้ำไหลผ่านเมือง มีรถ 2 ชั้นสีแดงหลังคาโล่งให้บริการนั่งรถชมเมืองไว้บริการด้วย สำหรับคนที่ไม่ชอบเดิน 

เดินชมเมืองเข้าออกตรอกซอกซอยจนหนำใจแล้ว ก็ได้เวลาไปหาอาหารหนัก ๆ คลายหิวกันแล้ว เพื่อน ๆ คงเดาไม่ยากว่า สำหรับกีกี้หน้าคม จมูกโด่งแบบนี้ต้องทานอาหารประเภทไหน เพื่อน ๆ ทายสิคะว่าจะทายถูกไหม หลายคนคงทายถูกเพราะเราจะไปทานอาหารไทย เมืองยอร์กมีร้านอาหารไทยหลายร้าน ครั้งก่อนที่มากับลุงเดฟเราก็ไปทานที่ร้านไทยแต่จำชื่อไม่ได้ วันนี้เราแวะร้านแซ่บ รอติดตามดูรีวิวอาหารไทยในบทความหน้านะคะ เพราะบทนี้ยาวมากแล้วเที่ยวยังไม่จบเลย มัวแต่โม้ 



สะพานกำแพงเมือง

กินอิ่มก็เดินย่อยโดยการเดินกลับจาก City Centre ไปหาสถานีรถไฟ ก่อนเดินออกจากเมืองจะเจอกำแพงเมือง ซึ่งกำแพงเมืองเป็นสะพานให้เราเดินได้รอบเมืองเลย ครั้งนี้ไม่ได้เดินแต่ครั้งก่อนที่มากับลุงเดฟเดินจนขาลากเลยทีเดียวครั้งนี้เลยไม่พาเพื่อน ๆ เดิน แต่ขอบอกว่าวิวสวยมากอย่าลืมแวะไปเดินบนสะพานกำแพงเมืองนะคะ วันนี้ก็ขอตัวไปนั่งรถไฟกลับบ้าน ขอจบการพาเพื่อน ๆ เที่ยวเพียงเท่านี้เจอกันใหม่ทริปหน้าค่ะ เพื่อน ๆ สนใจไปเที่ยวสก๊อตแลนด์ กับกีกี้เดฟตามลิ้งก์นี้ไปเที่ยวด้วยกันค่ะ  เที่ยว Edinburgh สก๊อตแลนด์

นั่งรถหัวฟูเที่ยวหลายเมืองกันแล้วแวะบำรุงผมด้วยสูตรธรรมชาติด้วยกันต่อเลยนะคะ กีกี้มีหลายสูตรที่ใช้ดีอยากบอกต่อ ให้เพื่อน ๆ สายบิวตี้ออแกนิกได้ลองเอาไปใช้ ไม่ว่าจะบำรุงผมจากน้ำซาวข้าว หรือจากว่านหางจระเข้ ลองดูลิ้งก์ ที่ทำมาฝากกันดูค่ะ บำรุงผมด้วยสูตรธรรมชาติ เจอกันในบทความต่อไปค่ะ

ที่มาภาพ

ผู้เขียนถ่ายเอง


ติดตามเพิ่มเติม


Youtube : KKD Channel 

Facebook Page : KKD Lifestyle in UK

Blogger : kikiedave KKD

Blockdit : KKD UK Variety 

Instagram: kikiedave

Tiktok : kikiedave





writer




Kikiedave KKD

แม่บ้านต่างแดนอินยูเค UK 

ชอบทำอาหาร ดูแลสุขภาพ diy hair beauty 

แชร์เรื่องราวไลฟ์สไตล์ ผ่านงานเขียนและวีดีโอคลิป

ติดต่องาน kie_kie29@hotmail.com 

ความคิดเห็น